ประตูนั้นจะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในวิชาฮวงจุ้ยซึ่งประตูนั้นเปรียบเสมือนช่องทางที่เข้าออกของพลังที่ดีและพลังที่ร้ายสำหรับบ้านและอาคารต่างๆ ซึ่งซินแสหลายคนให้น้ำหนักกับองศาทิศทาง ขนาด ชัยภูมิ ของประตูเป็นหลักมากกว่าเรื่องอื่นๆ เนื่องจากหลักการของวิชาฮวงจุ้ยที่แท้จริงนั้นเป็นการว่าด้วยการบริหารพลังธรรมชาติโดยจากของ “ฮวงที่หมายถึงลม” และ “จุ้ยที่หมายถึงน้ำ” ซึ่งเป็นวัตถุของไหลในเชิงวิศวกรรม ซึ่งจะต้องมีการคำนวณหาพลังที่ดีและร้ายในแต่ละองศาทิศทาง หากเป็นทิศที่มีพลังดีก็จะต้องเหนี่ยวนำพลังที่นั้นเข้ามาเก็บสะสมในบ้านหรืออาคารนั้นให้มากที่สุดโดยการผ่านช่องประตูหรือหน้าต่าง แต่หากเมื่อเป็นพลังที่ร้ายก็จะต้องป้องกันไม่ให้เข้ามาในบ้าน อาคารต่างๆ หรือจะต้องเหนี่ยวนำกระแสนั้นออกจากบ้าน อาคารนั้นๆ ให้มากที่สุดโดยการผ่านช่องลมที่เป็นประตูหรือหน้าต่างเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้จะให้ความสำคัญของช่องประตูมากกว่าเนื่องจากว่าเป็นช่องลมให้อากาศเข้าและออกได้มากกว่าช่องหน้าต่างเนื่องจากมักจะมีขนาดของช่องเปิดที่สัมผัสอากาศมากกว่า หากเทียบประตูทางเข้าหลักของบ้านกับประตูอื่นๆ แล้ว ประตูทางเข้าหลักก็จะมีความสำคัญกว่าเนื่องจากเป็นทิศทางที่คนเข้าออกเยอะจึงมีการเข้าออกของกระแสลมเยอะตามไปด้วยเพราะคนนั้นเวลาเคลื่อนไหวเดินเข้าออกประตูก็สามารถลากกระแสลมอ่อนๆ ได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ประตูหลักมักมีขนาดใหญ่กว่าประตูอื่นๆ ในบ้าน อาคารต่างๆ หรือบ้านบางบ้านก็นิยมเปิดประตูทางเข้าหลักบ้านเกือบตลอดเวลาเพื่อการระบายอากาศที่ดีของบ้าน จึงยิ่งทำให้ประตูหลักของบ้านนั้นเป็นทิศทางที่รับกระแสจากพลังธรรมชาติเช่นของลมมากที่สุด
ซินแสหลายท่านมักพูดว่าประตูทางเข้าหลักนั้นเหมือนปากของบ้านหรืออาคารต่างๆ เนื่องจากประตูทางเข้านั้นเปรียบเสมือนจุดจ่ายกระแสพลังงานเข้าสู่บ้านเป็นหลักหรือเสมือนจุดจ่ายอาหารเข้าสู่ร่างกายคนดังนั้นเราจึงต้องให้ความสำคัญกับจุดจ่ายกระแสพลังงานนี้ของบ้านเราโดยพิจารณาจาก
1) ชัยภูมิภายนอกอาคารของประตูทางเข้าหลัก (ด้านนอกประตู) ถ้าชัยภูมิภายนอกนั้นจะต้องโล่งเพื่อไม่ให้มีสิ่งกีดขว้างกระแสลมที่จะพัดเข้ามาสู่ภายในบ้านหรืออาคารนั้นๆ อย่างง่ายได้ สิ่งกีดขว้างเช่น ต้นไม้ใหญ่ เสาอาคาร กันสาด เสาไฟฟ้า รั้วที่มีสภาพทึบนั้นจะบังกระแสลมที่เข้าสู่บ้าน ส่วนพื้นที่ด้านหน้าประตูควรมีลานโล่งและชานพักหรือหรือทางฮวงจุ้ยเรียกว่า “เหม่งตึ้ง” ที่เป็นลานสะสมพลังโดยสภาพของลานโล่งและชานพักหน้าประตูนั้นไม่ควรมีสภาพเอียงเทออกเนื่องจากสภาพที่เทออกนั้นทำให้กระแสพลังธรรมชาตินั้นไหลออกจากทางเข้าประตูหน้าบ้านซึ่งจริงแล้วลมนั้นจัดเป็นของไหลในทางวิศวกรรม ดังนั้นสภาพเอียงเทออกจึงไม่สามารถสะสมพลังไว้ที่ประตูทางเข้าได้ นอกจากนี้ระดับประตูทางเข้าไม่ควรยกสูงจากพื้นดินมากเกินไปเนื่องจากยิ่งสูงนั้นก็ทำให้สภาพอากาศสะสมตัวได้น้อยการนำพาพลังเข้าสู่ประตูน้อยเนื่องจากพลังงานนั้นถูกนำพาโดยลมที่มีลักษณะเป็นของไหลจึงจะต้องไหลลงต่ำเสมอ
ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญคือเมื่อยืนบริเวณประตูทางเข้าจะต้องสามารถรู้สึกถึงพลังธรรมชาติได้ชัดเจนยิ่งมากยิ่งดี เช่นการรู้สึกถึงกระแสลมที่พัดเข้ามาสู่บ้านอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นกระแสลมที่เกิดจากธรรมชาติ หรือกระแสลมที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของวัตถุต่างๆ เช่น รถที่วิ่งผ่านหน้าบ้าน หรือกระแสลมที่เกิดจากการสร้างของคนเช่น น้ำพุที่มีการกระจายน้ำไปบนอากาศให้น้ำนั้นมีสภาพแหวกอากาศให้เกิดกระแสลมได้ตลอดเวลา
2) ชัยภูมิภายในอาคารของประตูทางเข้าหลัก (ด้านในประตู) จะต้องมีลานโล่งพอสมควรเพื่อให้กระแสอากาศจากจุดทางเข้าประตูหลักกระจายไปทั่วบริเวณภายในได้ง่ายจึงไม่ควรมีอะไรมาบัง เช่น ผนังทึบใกล้บริเวณประตูเกินไป ซึ่งถ้าให้ดีนั้นหากเป็นบ้านก็มักออกแบบจะเป็นบริเวณห้องนั่งเล่นหรือโถงรับแขกในบ้านหรือสำนักงานที่มีสภาพโปร่งๆ ก็ได้
3) ประตูทางเข้าหลักควรเป็นประตูที่ขนาดใหญ่ไม่เล็กเกินไป เนื่องจากประตูบานใหญ่มีช่องเปิดมีพื้นที่สัมผัสอากาศภายนอกมากก็จะทำให้มีโอกาสที่กระแสลมพัดจึงนำพาพลังเข้ามาสู่บ้านหรืออาคารได้มากและยังช่วยให้อากาศถ่ายเทในบ้านได้ดีด้วย
4) ประตูทางเข้าหลักของบ้านควรเปิดให้อากาศเข้าถ่ายเทได้อยู่ประจำ ซึ่งหากชัยภูมิด้านในและนอกประตูดีหรือกระแสพลังเข้าได้มาก การเปิดประตูบานนี้อยู่ประจำก็จะให้มีโอกาสได้รับพลังจากธรรมชาตินั้นมาก
5) ประตูทางเข้าหลักควรเป็นประตูที่ใช้เข้าออกจากบ้านจริงๆ เนื่องจากหากคำนวณองศาทิศทางและชัยภูมิภายนอกกับภายในประตูมีพลังที่ดี เช่น มีชานพักโล่งที่เป็นแหล่งสะสมพลังที่ดี ฯลฯ ก็จะมีโอกาสที่ทุกครั้งที่เดินผ่านประตูก็จะได้รับพลังที่ดีส่งผลให้เกิดความเจริญรุ่งเรื่องอยู่ตลอด
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลข้างต้นเกี่ยวกับเรื่องประตูหลักของบ้านและอาคารนั้นจะต้องมีการคำนวณองศาทิศทางที่ดีก่อนจากวิชาฮวงจุ้ยที่เกี่ยวข้องกับองศาทิศทาง เช่น วิชาดาวเหินหรือที่เรียกว่า”เสวียนคงปวยแช”ที่ใช้หลักการโคจรของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาลโดยเฉพาะดาวที่มีมวลใหญ่กว่าโลกอย่างเช่นดาวพฤหัสและดาวเสาร์ที่มีมวลใหญ่และสนามแม่เหล็กแรงดึงดูดที่มากกว่า ดังนั้นการคำนวณทิศทางองศาที่ดีควรได้รับการปรึกษาจากซินแสผู้ชำนาญวิชาด้านนี้ ทั้งนี้ทิศประตูทางเข้าหลักนั้นจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเป็นทิศที่มีพลังดีเพื่อเป็นจุดจ่ายกระแสไปทั่วอาคารและบ้านนั้นๆ
หากว่าทิศทางของประตูทางเข้าบ้านนั้นเป็นทิศทางที่มีพลังไม่ดีแล้ว การใช้ประตูนั้นเป็นหลักหรือเปิดประตูบานให้ลมพัดเข้ามาสู่บ้านเป็นประจำนั้นก็จะทำให้พลังที่ร้ายนั้นเข้าสู่อาคารและบ้านนั้นอยู่เสมอและก็จะนำความเสื่อมมาสู่คนที่อยู่ภายในเป็นประจำ ซึ่งก็มักจะแก้ไขโดยบิดประตูให้เฉียงหรือเอียงไปรับพลังจากองศาทิศทางอื่นหรือไม่ก็เปลี่ยนไปใช้ประตูบานที่เป็นทิศทางที่มีพลังดีและชัยภูมิที่ดีเป็นทางเข้าหลักแทนก็ได้ นอกจากนี้ก็ยังมีวิธีอื่นอีกสำหรับการแก้ไขซึ่งต้องอยู่กับดุลพินิจของซินแสที่เห็นสถานที่นั้นจริงๆ
ส่วนประตูอื่นรอบบ้านหากเป็นทิศประตูที่มีสภาพชัดเจนว่ากระแสลมพัดจากภายในบ้านออกไปภายนอกบ้านแน่นอนถ้าเป็นประตูที่คำนวณองศาทิศทางว่าเป็นพลังร้ายแล้วลมที่พัดออกก็จะช่วยให้นำพลังร้ายนั้นออกจากบ้านและอาคาร แต่ถ้าเป็นพลังที่ดีก็จะทำให้พลังที่ดีนั้นถูกถ่ายเทออกและไม่ได้สะสมตัวในบ้านและอาคารดังนั้นจึงต้องพิจารณาประตูแต่ละประตูให้ดี สำหรับประตูหลักเข้าสู่ห้องต่างๆ นั้นก็ควรเป็นทิศทางองศาที่มีพลังดีเช่นเดียวกับประตูหลักเข้าบ้านทั้งนี้เพื่อจะได้นำพาพลังดีเข้าสู่ห้องนั้นๆ โดยเฉพาะห้องที่เราใช้งานประจำเช่น ห้องนอน ห้องทำงาน ฯลฯ ซึ่งพื้นที่บริเวณประตูห้องนั้นทั้งภายในภายนอกห้องควรมีสภาพโล่งพอสมควร ไม่มีสิ่งกีดขวาง เพื่อให้กระแสพลังที่ดีนั้นเข้ามาได้ง่ายโดยทั้งนี้มีหลักการเช่นเดียวกับประตูทางเข้าหลัก
จากข้อมูลข้างต้นจึงเป็นสาเหตุที่การจัดฮวงจุ้ยนั้นจะให้ความสำคัญอย่างมากเกี่ยวกับชัยภูมิและองศาทิศทางที่ดีของประตูเนื่องจากประตูนั้นคือจุดจ่ายกระแสพลังเข้าสู่บ้านและอาคาร หากเป็นประตูเข้าห้องแต่ละห้องก็เป็นจุดจ่ายกระแสพลังเข้าสู่แต่ละห้องนั้นเอง ซึ่งถ้าหากเราสามารถจัดการใช้ประตูนั้นเป็นจุดเหนี่ยวนำและกระจายพลังดีได้ก็จะทำให้ชีวิตคนที่อยู่อาศัยในบ้านอาคาร หรือห้องนั้นๆ เจริญรุ่งเรื่องได้อย่างแน่นอน
ดาวโหลดไฟล์ PDF