ที่มาภาพ : Unsplash

จากบทความ 5 ธาตุ ตอนที่ 1 ซึ่งได้กล่าวถึงที่มาที่ว่า ชาวจีนเชื่อว่าสรรพสิ่งบนโลกนั้นล้วนมีต้นกำเนิดมาจากธาตุทั้ง 5 (ธาตุไม้ ธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุทอง และธาตุน้ำ) และกล่าวถึงความหมายของแต่ละธาตุไปเบื้องต้นแล้ว ซึ่งหากเราเข้าใจถึงระบบ 5 ธาตุ อย่างถ่องแท้แล้ว ก็สามารถพลิกแพลงพื้นฐานความรู้นี้มาเสริมดวงชะตาได้

โดยหากรู้ว่าดวงชะตาชอบธาตุใดและไม่ชอบธาตุใด ก็สามารถเลือกสิ่งที่เป็นธาตุที่ชอบมาเสริมดวง และหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นธาตุที่ไม่ชอบให้ห่างจากดวงตนเองได้

ทั้งนี้การจะหาธาตุประจำดวงจากการคำนวณจาก ปี เดือน วัน ยามเกิด ด้วยตนเองเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากต้องเปิดปฏิทินจีนเพื่อหา ปี เดือน วัน ยามเกิด ว่าเป็นธาตุอะไรบ้างก่อน แล้วต้องหาสมดุลของดวงนั้นๆ ซึ่งมีความซับซ้อนและไม่อาจทำเป็นข้อมูลสำเร็จรูปให้ผู้อ่านดูด้วยตนเองเข้าใจได้ง่าย เนื่องจากเป็นการระบุเจาะจงในแต่ละดวง ซึ่งต่างจากวิธีการดูแบบคร่าวๆ เช่น การดูแค่นักษัตรปีเกิดเพียงอย่างเดียว เป็นต้น

ดังนั้นเพื่อให้ง่ายสำหรับผู้อ่านที่ต้องการรู้ว่าตัวเองเป็นคนธาตุอะไร และธาตุอะไรบ้างที่ส่งเสริมดวง ธาตุอะไรบ้างที่ให้โทษกับดวง ผู้อ่านสามารถอีเมลสอบถามผู้เขียนได้ที่อีเมลนี้ krerkwich@baannatura.com

เมื่อรู้ว่าดวงแต่ละดวงชอบธาตุใดแล้ว ก็ควรจะเลือกใช้สิ่งของตามธาตุที่ถูกโฉลกกับดวง โดยพิจารณาจาก วัตถุธาตุ สี รูปทรง ฯลฯ ของสิ่งของนั้นๆ ตาม ตารางการแบ่งธาตุวัตถุต่างๆ ตามรูปแบบพลังงาน วัตถุธาตุ สี รูปทรงวัตถุ (ในบทความ 5 ธาตุ ตอนที่ 1) หรืออยู่บริเวณที่มีพลังธาตุที่ถูกโฉลกเยอะๆ เช่น

  1. เสริมธาตุดิน ด้วยการใช้ของสีเหลือง ส้ม น้ำตาล ครีม การใช้ของพวกเซรามิก หิน ดินเผา หนังสัตว์ การไปเที่ยวภูเขา ถ้ำ
  2. เสริมธาตุทอง ด้วยการใช้ของสีเงิน ทอง ขาว การใช้ของที่ทำจากโลหะ การเล่นเครื่องดนตรีที่เป็นโลหะหรือเครื่องสายดนตรีที่เป็นโลหะ จำพวก กีตาร์ เปียโน เป็นต้น
  3. เสริมธาตุน้ำ ด้วยการใช้ของสีฟ้า น้ำเงิน ดำ เป็นต้น ไปว่ายน้ำ เที่ยวทะเล ล่องเรือ อยู่บ้านใกล้แหล่งน้ำหรือมีสระน้ำ
  4. เสริมธาตุไม้ ด้วยการใช้สิ่งของที่มีสีเขียว การใช้ของที่ทำจากไม้จริงๆ การพักอาศัยหรือเที่ยวในที่มีต้นไม้เยอะๆ เช่น อาศัยอยู่บ้านไม้ บ้านที่มีพื้นที่สวนเยอะๆ
  5. เสริมธาตุไฟ ด้วยการใช้ของสีแดง ชมพู ม่วงแดง การใช้ของทำจากพลาสติก การจุดธูปเทียนไหว้พระ หรือการไปวัดหรือศาลเจ้า

นอกจากนี้สำหรับคนชอบเครื่องประดับ ยังสามารถเลือกเครื่องประดับที่เป็นธาตุเสริมดวงได้ โดยดูได้จากภาพด้านล่างนี้

อัญมณีเสริมพลังประจำธาตุ
ที่มาภาพ : Scott Webb on Unsplash

แม้ว่าจะอาศัยหลักการเลือกใช้สิ่งของหรืออยู่ในสถานที่ที่มีพลังธาตุนั้นๆ เพื่อเสริมพลังให้ธาตุในดวงแล้ว ทว่าสิ่งเหล่านี้อาจเป็นแค่หลักเบื้องต้นขั้นพื้นฐานที่ใช้เสริมดวงโดยธาตุ ซึ่งหากต้องการเสริมพลังธาตุให้ดีนั้นจำเป็นต้องพิจารณาถึงอาชีพที่ทำด้วย

เนื่องจากผู้คนใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตไปกับงานหรืออาชีพ โดยเฉลี่ยคนเราทำงานประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นหากทำอาชีพที่เป็นธาตุที่สร้างความสมดุลให้ดวงเราแล้ว ก็เท่ากับว่าเราได้รับพลังธาตุเสริมอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน เช่นกัน

ดังนั้นหมอดูหลายคนจึงแนะนำให้แต่ละคนที่มีดวงต่างกันประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับดวงชะตา ซึ่งอาชีพ สามารถแบ่งเป็นธาตุได้ดังนี้

  1. อาชีพธาตุดิน (อาชีพเกี่ยวกับความมั่นคง หนักแน่น อดทน ยึดมั่น)
    • อาชีพที่ต้องใช้พลังธาตุดินจะเกี่ยวกับเรื่องเครดิต ความน่าเชื่อถือ ความมั่นคง เช่น รักษาความปลอดภัย รับราชการ ที่ปรึกษา ฝ่ายบัญชี หรือเกี่ยวกับการเป็นจุดศูนย์กลางรองรับเรื่องอื่น เช่น ตัวแทนจำหน่าย นายหน้า ออร์แกไนเซอร์ ฝ่ายอำนวยการ สัปเหร่อ เป็นต้น
    • อาชีพที่มีวัตถุธาตุเป็นดิน เช่น ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน ก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง กระเบื้อง หิน ปูน ทราย เซรามิก โกดัง หยก อาหารสัตว์ ขายโลงศพ ทำสุสาน เป็นต้น
  2. อาชีพธาตุทอง (อาชีพเกี่ยวกับความชัดเจน เร็ว แรง เฉียบคม ความแข็ง)
    • อาชีพที่ต้องใช้พลังธาตุทอง เช่น นักปฏิวัติ นักปฏิรูป ทนายความ ผู้พิพากษา นักปกครองบริหาร เป็นต้น
    • อาชีพที่มีวัตถุธาตุทอง (โลหะ) เช่น การเงิน เงินทุน หลักทรัพย์ โรงรับจำนำ ทองคำ ขายรถยนต์ เหล็ก อุปกรณ์โลหะ เครื่องจักร อาวุธ นาฬิกา แว่นตา ตัดไม้ เป็นต้น
  3. อาชีพธาตุน้ำ (อาชีพเกี่ยวกับปัญญา ความลึกซึ้ง การพลิกแพลง การปรับตัว เรื่องเพศ) 
    • อาชีพที่ต้องใช้พลังธาตุน้ำ เช่น งานวิจัย นักสืบ นักซื้อขายแลกเปลี่ยน นักข่าว นักสำรวจ นักขาย นักการทูต การเดินทาง การขนส่ง จัดทัวร์ท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ ฝ่ายการเงิน ธนาคาร บัญชี งานบริการ เป็นต้น
    • อาชีพที่มีวัตถุธาตุน้ำ เช่น ชลประทาน ขายน้ำ ขายเครื่องดื่ม ประมง ผลิตขายเกลือ เลี้ยงสัตว์น้ำ อาหารทะเล ไอศกรีม น้ำแข็ง บาร์เบียร์เหล้า ไนต์คลับ คาราโอเกะ อาบอบนวด สถานที่เริงรมย์ การพนัน สิ่งผิดกฎหมาย งานประเภทที่ทำเวลากลางคืน เป็นต้น
  4. อาชีพธาตุไม้ (อาชีพเกี่ยวกับการพัฒนา ความมีเมตตา วิชาการ ความคิดสร้างสรรค์)
    • อาชีพที่ต้องใช้พลังของธาตุไม้ เช่น นักประพันธ์ อาจารย์ นักออกแบบ นักประดิษฐ์ นักประชาสัมพันธ์ การสื่อสาร การขาย ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ศิลปิน เป็นต้น
    • อาชีพที่มีวัตถุธาตุเป็นธาตุไม้ เช่น ขายไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้ การเกษตร จัดสวน ขายดอกไม้ ขายผลไม้ เครื่องเขียน ขายหนังสือ ขายกระดาษ โรงพิมพ์ ขายยา ขายผ้า เป็นต้น
  5. อาชีพธาตุไฟ (อาชีพเกี่ยวกับความโดดเด่น ชื่อเสียง การแสดงออก การให้ความอบอุ่น การให้ความรู้ให้ความกระจ่าง)
    • อาชีพที่ต้องใช้พลังของธาตุไฟ เช่น นักโฆษณา ดารา นักร้อง นักแสดง ช่างเสริมสวย ห้างสรรพสินค้า ช่างไฟฟ้า ช่างเชื่อม นักวิทยาศาสตร์ ที่ปรึกษา นักปราชญ์ ครู อาจารย์ พระ นักสังคมสงเคราะห์ เป็นต้น
    • อาชีพที่มีวัตถุธาตุเป็นไฟ เช่น ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ถ่ายรูป แก๊ส พลังงาน น้ำมัน พลาสติก อาหารปิ้งย่าง เป็นต้น

นอกจากการใช้อาชีพที่มีพลังธาตุมาเสริมดวงคนแล้ว การใช้พลังธาตุจากฮวงจุ้ยบ้านหรือที่อยู่อาศัยมาเสริมดวงนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีอีกอย่างหนึ่ง เนื่องจากคนเรานั้นใช้เวลาอยู่ในบ้านมากกว่าสถานที่อื่นๆ โดยการใช้ธาตุจากฮวงจุ้ยมาเสริมนั้นจะพิจารณาจากทิศของบ้านเป็นหลัก ซึ่งสำหรับประเทศเหนือเส้นศูนย์สูตร รวมถึงประเทศไทยนั้นแต่ละทิศสามารถแบ่งเป็นธาตุต่างๆ ได้ดังนี้

ที่มาภาพ : Freepik

ธาตุดิน : ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ตำแหน่งศูนย์กลาง
ธาตุทอง : ทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ธาตุน้ำ : ทิศเหนือ
ธาตุไม้ : ทิศตะวันออก ทิศตะวันออกเฉียงใต้
ธาตุไฟ : ทิศใต้

และเนื่องจากแต่ละทิศก็จะมีพลังงานธาตุแตกต่าง หากเราเลือกบ้าน ที่อยู่อาศัย หรือที่ทำงาน หันหน้าไปทางทิศที่มีพลังธาตุเสริมดวงเรา และมีช่องเปิดรับลมที่นำพาพลังธาตุจากทิศนั้นๆ เข้าสู่บ้าน และสะสมอยู่ในบ้านตลอด พลังนั้นก็จะสร้างความสมดุลให้ดวงชะตาเรา เช่น คนชอบธาตุไฟควรเลือกทิศใต้ ชอบธาตุไม้เลือกทิศตะวันออก ชอบธาตุทองเลือกทิศตะวันตก ชอบธาตุน้ำเลือกทิศเหนือ เป็นต้น

ที่มาภาพ : Chuttersnap Aku on Unsplash

ในเรื่องของทิศ ยังมีหลักเกณฑ์การใช้เพิ่มเติม คือ ประเทศที่อยู่ใต้เส้นศูนย์สูตรนั้นจะมีขั้วหยิน-หยางที่สลับกับโลกบริเวณเหนือเส้นศูนย์สูตร จึงทำให้มีพลังธาตุของแต่ละทิศไม่ตรงกับประเทศอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรได้

ซึ่งหลักการแบ่งทิศเป็นธาตุนั้นมาจากความเป็นจริงของโลก โดยการพิจารณาพื้นที่โลกเป็น หยิน และ หยาง บริเวณไกลเส้นศูนย์สูตรที่สุด มีความหนาวเย็นสุด เช่น ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ เป็นด้านหยิน ส่วนพื้นที่บริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตรที่เป็นโซนร้อนเป็นด้านหยาง

แต่หากพิจารณาเฉพาะพื้นที่เหนือเส้นศูนย์สูตรแล้ว (รวมถึงประเทศไทย) บริเวณพื้นที่ด้านทิศเหนือขึ้นไปนั้นจะมีอากาศเย็น ซึ่งหากยกตัวอย่างสำหรับประเทศไทยแล้ว ประเทศที่อยู่บริเวณเหนือประเทศไทย เช่น จีน รัสเซีย ขั้วโลกเหนือ จะหนาวเย็นกว่า ดังนั้นทิศเหนือจึงมีพลังธาตุน้ำที่เป็นธาตุที่เย็นที่สุด

ขณะที่บริเวณทิศใต้ของประเทศที่อยู่บริเวณเหนือเส้นศูนย์สูตรก็จะมีอากาศร้อน ซึ่งหากเทียบจากจุดตำแหน่งประเทศจีนแล้ว บริเวณทิศใต้ของจีนก็จะเป็นประเทศไทยซึ่งมีอากาศร้อนกว่า เนื่องจากอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมากกว่า ดังนั้นทิศใต้ (ของจีน) จึงมีพลังธาตุไฟนั้นเอง

ส่วนทิศตะวันออกนั้นเป็นธาตุไม้ เนื่องจากพระอาทิตย์เริ่มขึ้นจากทิศตะวันออก ทำให้แสงสว่างเริ่มต้นจากทิศตะวันออก ส่งสัญญาณให้ดอกไม้เริ่มบาน คนก็เริ่มตื่นแต่เช้าและเริ่มไปทำงาน ซึ่งพลังงานในตัวคนที่เปลี่ยนจากการนอนหลับแล้วเริ่มตื่นตัวจนไปทำงาน ก็เหมือนพลังงานในตัวคนค่อยๆ เติบโตขึ้น จึงเหมือนพลังงานธาตุไม้ที่เป็นพลังแห่งการเติบโตขึ้นนั่นเอง

ขณะที่ทิศตะวันตกวันเป็นทิศธาตุทอง เนื่องจากพระอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนตัวลับไปในช่วงเย็น เหมือนดอกไม้ที่ค่อยๆ หุบจากที่บานในตอนเช้า คนเริ่มเหนื่อยจากการทำงาน และพลังงานต่างๆ ก็ค่อยๆ ถดถอยและเก็บกักสะสมตัว เปรียบเสมือนโลหะที่เกิดจากการเก็บกักหมักตัวของสสารในดินนั่นเอง ดังนั้นทิศตะวันตกจึงเปรียบเหมือนพลังธาตุทอง

ซึ่งหากสังเกตประเทศฝั่งตะวันออกแล้ว มักจะเป็นประเทศที่มีศิลปะ อารยธรรม ความประณีต เปรียบเหมือนพลังธาตุไม้ที่เจริญเติบโตขึ้น ส่วนประเทศที่อยู่ฝั่งตะวันตกก็จะมีลักษณะของธาตุทองคือ ความเรียบหรู มีอำนาจ นั่นเอง

Related Posts

ตามช่วงเวลา