ที่มาภาพ : shutterstock

สี มีพลังงานบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต โดยสีแต่ละสีสามารถส่งผลให้คนคนนั้นรับรู้และเกิดความรู้สึกที่แตกต่างกันได้ จึงส่งผลถึงอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น

เมื่อคนเราอยู่ห้องสีขาวหรือสีอ่อนจะไม่รู้สึกร้อน แต่เมื่อคนอยู่ในห้องสีแดงก็จะรู้สึกร้อนขึ้นมาได้ ทั้งที่ห้องนั้นไม่ได้มีเครื่องทำความร้อนชนิดใดที่เปลี่ยนอุณหภูมิของห้องให้ร้อนขึ้น แต่ความรู้สึกของคนหรือสิ่งมีชีวิตนั้นรับรู้ถึงพลังงานของสีได้

ดังนั้นการใช้สีสันต่างๆ จะต้องเลือกใช้อย่างสมดุลกัน ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพราะพลังงานของสีจะทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นเสียสมดุล ส่งผลให้เจ็บป่วย ซึมเซา ฯลฯ ได้ เช่น

ผนังกรงสัตว์ที่มีสีม่วงทึบ พลังงานจากสีจะกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกของสัตว์ที่อยู่ในกรงให้เกิดการเจ็บป่วยได้ แต่เมื่อเปลี่ยนสีผนังจากม่วงทึบไปเป็นสีอ่อน เช่น สีฟ้า สัตว์กลับมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้

แท้จริงแล้วพลังงานสีส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนและเกิดปฏิกิริยาทางเคมีในร่างกายที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อชีวิตคน ดังนั้นพลังงานจากสีนั้นเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญในศาสตร์ฮวงจุ้ย

ที่มาภาพ : shutterstock

สีของวัตถุแต่ละชิ้นเกิดจากการที่แสงสัมผัสกับวัตถุ โดยวัตถุนั้นจะดูดกลืนแสงบางความถี่และกระจายหรือสะท้อนแสงบางความถี่ออกมา โดยแต่ละความถี่ของแสงก็จะแสดงสีสันออกมาต่างกัน เช่น แสดงเป็นสีเหลือง น้ำตาล แดง ส้ม ฟ้า น้ำเงิน เขียว ฯลฯ

ขณะที่วัตถุสีดำคือวัตถุที่ดูดกลืนแสงหรือไม่สะท้อนแสงทุกความถี่ ตรงกันข้ามกับสีขาวที่ไม่ดูดกลืนหรือสะท้อนแสงทุกความถี่ออกมา เมื่อแสงแต่ละความถี่กระทบกับดวงตาก็จะทำให้เห็นสีที่แตกต่างกันและส่งผลต่อความรู้สึกที่แตกต่างกันนั่นเอง

แม้ว่าแสงจะก่อให้เกิดสีมากมายจากพลังงานความถี่ที่แตกต่างกัน แต่สำหรับในวิชาภูมิปัญญาจีนแล้ว สีจะแบ่งเป็น 5 ธาตุ เท่านั้น เนื่องจากชาวจีนนั้นเชื่อว่าทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม สามารถแบ่งออกเป็นธาตุต่างๆ ทั้ง 5 ธาตุ (ดิน ทอง น้ำ ไม้ ไฟ)

โดยแต่ละธาตุก็จะมีลักษณะของพลังงาน รูปทรงรูปร่าง วัตถุสสาร สีสัน ฯลฯ แตกต่าง โดยสีสันต่างๆ ก็สามารถแจกแจงเป็น 5 ธาตุได้ ตามตารางด้านล่างนี้

ตารางแสดงการแบ่งสีตามธาตุ

ธาตุดิน ซึ่งเปรียบได้กับดิน หิน ทราย ที่รองรับสรรพสิ่งทุกอย่างบนโลก จึงเปรียบเสมือนความอดทน หนักแน่น มั่นคง ยึดมั่นในสิ่งที่เป็นอยู่ ซึ่งสีแห่งพลังธาตุดินนั้นคือ สีเหลือง ส้ม น้ำตาล ครีม โดยสีเหลืองเปรียบเหมือนจุดศูนย์รวมพลังงานที่รองรับทุกสรรพสิ่งและเป็นสีแห่งอำนาจ โดยจะเห็นได้จากจักรพรรดิจีนทุกพระองค์นั้นจะใช้ชุดเป็นสีเหลืองเสมอ ขณะที่สีน้ำตาล หมายถึง ความมั่นคง สมดุลที่เรียบง่าย

ธาตุทอง เปรียบได้กับโลหะที่มีความแข็งแรง ความชัดเจน เร็ว แรง เฉียบคม ความแน่นอน เด็ดขาด ยุติธรรม หากสังเกตสิ่งของที่เคลื่อนไหวรวดเร็วหรือของแข็งต่างๆ มักจะเป็นวัตถุธาตุที่เป็นโลหะ เช่น เครื่องจักร รถยนต์ ฯลฯ ซึ่งสีแห่งธาตุทองคือ สีเงิน สีทอง และสีขาว โดยสีขาวนั้นคือความแวววาวสูงสุดของโลหะซึ่งสะท้อนแสงออกมาเป็นสีขาว ซึ่งแท้จริงแล้วสีขาวเป็นสีแห่งความบริสุทธิ์ยุติธรรม ทั่วไปแล้วจะใช้เป็นสีขาวเป็นชุดทางพิธีกรรมของหลายศาสนา

ธาตุน้ำ เปรียบเสมือนความใสของปัญญา ความลึกซึ้งของความคิดเหมือนน้ำที่ใสสะอาด นอกจากนี้น้ำเป็นสิ่งที่สามารถไหลไปได้ทุกแห่งหน เปลี่ยนรูปร่างตามภาชนะที่บรรจุ จึงเปรียบเสมือนกับการพลิกแพลง ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งต่างๆ นั้นได้

ธาตุน้ำยังหมายถึงความลึกลับ ซ่อนเร้น เหมือนกับมหาสมุทรที่ลึกมืดจนมองไม่เห็นสิ่งใดๆ ซึ่งสีของธาตุน้ำคือสีฟ้า น้ำเงิน ซึ่งหมายถึงความเยือกเย็น สงบนิ่ง เหมือนปัญญาใสนิ่งสงบ และเป็นสีที่ช่วยในการบำบัดโรคได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้ สีดำยังเป็นสีของธาตุน้ำซึ่งเปรียบเสมือนน้ำลึกไม่เห็นแสงใดๆ จึงหมายถึงความลึกลับ ซ้อนเร้น ความเฉลียวฉลาดทางปัญญาที่ลึกซึ้ง

ธาตุไม้ เปรียบเหมือนการพัฒนา เมตตา วิชาการ ความคิดสร้างสรรค์ เหมือนต้นไม้ที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เหมือนการพัฒนาไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทางด้านการศึกษา วิชาการต่างๆ และต้นไม้นั้นแตกกิ่งก้านสาขาจากลำต้น เปรียบเหมือนความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ นานาที่แตกแขนง

นอกจากนี้ต้นไม้ยังให้ความร่มรื่นต่อสัตว์อื่น มีผล มีดอก ให้คนนำไปใช้ประโยชน์ จึงเปรียบเสมือนต้นไม้มีความเมตตาต่อสรรพสิ่งอื่นๆ ซึ่งสีเขียวนั้นเป็นพลังของธาตุไม้ซึ่งเป็นสีของการเจริญเติบโต ฟื้นฟูสิ่งต่างๆ โดยเป็นสีหลักของโรงพยาบาล ซึ่งเหมือนเป็นสีแห่งการฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงและมีพัฒนาการ

ธาตุไฟ เปรียบเหมือนเปลวไฟที่โดดเด่น จึงเกี่ยวกับ ชื่อเสียง การแสดงออก ไฟยังแผ่กระจายพลังงาน ดังนั้นก็เปรียบเหมือนการให้ความอบอุ่น การให้ความรู้ ให้ความกระจ่าง ซึ่งสีของธาตุไฟนั้นคือสีแดง สีชมพู และม่วงแดง โดยสีแดงนั้นคือความร้อนแรง กระตือรือร้น ความสนุกสนาน ความปีติยินดี จึงเหมาะกับงานเฉลิมฉลองหรืองานมงคลต่างๆ

นอกจากนี้ยังเป็นสีที่กระตุ้นพลังงานได้มากจึงต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม เพราะสามารถกระตุ้นทั้งพลังงานที่ดีและพลังงานที่ร้ายได้ ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ ส่วนสีชมพูคือสีแห่งความรัก ความอ่อนโยน นุ่มนวล ส่วนสีม่วงแดงคือสีแห่งพลังทางด้านจิตวิญญาณ

สำหรับการเลือกใช้สีก็มีหลายทฤษฎีซึ่งในบทความนี้คงไม่กล่าวถึงการใช้สีในเชิงการตกแต่งภายในและภายนอกตามหลักสถาปัตยกรรม แต่จะกล่าวถึงการใช้สีตามภูมิปัญญาจีนเป็นหลัก ซึ่งก็ได้กล่าวคร่าวๆ เกี่ยวกับความหมายในแต่ละสีที่ถูกแบ่งเป็นธาตุต่างๆ และมีความหมายที่แตกต่างกัน โดยสามารถเลือกใช้สีเพื่อให้ก่อเกิดตามความหมายที่กล่าวไปเบื้องต้นได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้สีนั้นยังมีอีก 2 ทฤษฎีด้วยกัน คือ

  1. การเลือกใช้สีให้สอดคล้องกับองศาทิศทางตามหลักวิชาฮวงจุ้ยที่ต้องคำนวณในแต่ละสถานที่ และอีกวีธีคือ
  2. การเลือกใช้สีให้สอดคล้องกับดวงชะตาคนแต่ละคน

ซึ่งการใช้สีตามหลักฮวงจุ้ยนั้น จะส่งผลกับทุกๆ คนที่อยู่บริเวณสถานที่ที่ใช้สีนั้นๆ เป็นหลัก ขณะที่การใช้สีให้สอดคล้องกับดวงชะตาคนนั้นจะเป็นการใช้สีเพื่อเสริมเฉพาะบุคคลเท่านั้น ไม่ได้เกิดผลรวมคนอื่นๆ 

การใช้สีกับองศาทิศทางของฮวงจุ้ยจะพิจารณาสีให้สอดคล้องกับพลังงานในแต่ละองศาทิศทางเพื่อไปกระตุ้นพลังงานที่ดีให้ดียิ่งขึ้น เช่น

หากคำนวนองศาทิศทางแล้วทิศใต้มีปราณพลังธาตุไฟที่ดีก็ควรที่ใช้สีของธาตุไฟหรือสีของธาตุไม้บริเวณนั้น เนื่องจากสีธาตุไฟ (สีแดง ชมพู ม่วงแดง) เป็นสีพลังงานลักษณะเดียวกันกับปราณพลังงานธาตุไฟ จึงส่งเสริมปราณพลังงานธาตุไฟให้มีพลังมากขึ้น

หรือสามารถใช้สีของธาตุไม้ก็ได้ เนื่องจากปกติแล้วธาตุไม้เป็นธาตุที่ก่อเกิดธาตุไฟให้มีกำลังมากขึ้น เหมือนไม้เป็นเชื้อเพลิง ดังนั้นหากใช้สีของธาตุไม้ (สีเขียว) ก็จะยิ่งกระตุ้นพลังงานธาตุไฟให้มีกำลังมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งการยกตัวอย่างนี้เป็นรายละเอียดคร่าวๆ

นอกจากนี้เรายังสามารถเลือกใช้สีเพื่อลดทอนพลังที่ร้ายให้ร้ายน้อยลงในแต่ละองศาทิศทางได้อีกด้วย ซึ่งแท้จริงหลักการใช้สีนั้นอ้างอิงถึงหลักของตามปฏิกิริยา 5 ธาตุ ที่มีสัมพันธ์ของแต่ละธาตุต่างกัน โดยบางธาตุก่อเกิดพลังให้บางธาตุ บางธาตุถ่ายเทพลังงานของบางธาตุ และบางธาตุพิฆาตควบคุมบางธาตุนั่นเอง

ภาพวงจรปฏิกิริยา 5 ธาตุ ซึ่งมีวงจรของการก่อเกิดและถ่ายพลังระหว่างธาตุ รวมถึงวงจรการพิฆาตพลังกันระหว่างธาตุ

ส่วนวิธีการเลือกใช้สีให้ถูกต้องกับบุคคลนั้นก็จะพิจารณาจากวิชาดวงจีนเป็นหลัก ซึ่งจะแปล ปี เดือน วัน ยามเกิด ของแต่คนเป็นธาตุต่างๆ หลายๆ ธาตุมาประจุอยู่ในตัวคน แล้วความสมดุลของธาตุในแต่ละดวงคน ซึ่งแต่ละดวงคนจะมีความต้องการธาตุบางธาตุเป็นพิเศษเพื่อมาเสริมความสมดุล และก็ไม่ต้องการธาตุบางธาตุที่ทำลายความสมดุล จึงทำให้มีธาตุที่ให้คุณและให้โทษต่างกันไปในแต่ละคน

โดยดวงคนที่ต้องการธาตุน้ำก็ควรเลือกใช้สีฟ้า น้ำเงิน ดำ ดวงชอบธาตุไม้ก็เลือกใช้สีเขียวอ่อนหรือสีเขียวเข้ม ดวงชอบธาตุไฟก็ใช้สีแดง ชมพู ม่วงแดง ดวงชอบธาตุดินก็ใช้สีเหลือง น้ำตาล ส้ม ครีม และดวงชอบธาตุทองก็ให้ใช้สีขาว เงิน ทอง

ซึ่งดวงคนแต่ละดวงก็จะมีธาตุที่ให้คุณประมาณ 2-3 ธาตุ เป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้มีสีให้เลือกใช้สำหรับแต่ละดวงคนเยอะพอสมควร เพียงแต่ดวงแต่ละคนนั้นก็จะมีธาตุที่สำคัญสูงสุดซึ่งทำให้สีของธาตุนั้นเป็นสีสำคัญที่ดีที่สุดสำหรับดวงแต่ละคนด้วย

เนื่องจากการใช้สีเสริมดวงคนนั้นเป็นการเสริมเจาะจงเฉพาะตัวบุคคล ดังนั้นจึงเหมาะกับสิ่งที่ใช้เป็นเฉพาะเจาะต่อคนนั้นๆ เช่น สีห้องนอนของแต่ละคน สีของเครื่องแต่งกาย สีเครื่องประดับ สีรถยนต์ เป็นต้น

การพิจารณาคำนวณปราณว่าทิศทางไหนจะมีพลังงานดีหรือร้ายแล้วเลือกใช้สีต่างๆ ให้สอดคล้องตามหลักฮวงจุ้ยนั้นสลับซับซ้อนและต้องคำนวณตามองศาแกนแม่เหล็กโลกของสถานที่นั้นเป็นหลัก

ส่วนการหาธาตุให้คุณให้โทษตามดวงชะตาคนนั้นก็ต้องอาศัยการคำนวณที่ต้องใช้ประสบการณ์ทางด้านดวงจีน

ดังนั้นหากจะพิจารณาใช้สีต่างๆ ให้ถูกต้องจริง จำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจหลักการฮวงจุ้ยและดวงจีนทั้ง 2 ด้าน เพื่อให้เลือกใช้สีที่เหมาะสมที่ถูกต้อง สอดคล้องของหลักการของ 2 วิชาร่วมกัน ก็จะทำให้การเลือกใช้สีให้คุณประโยชน์สูงสุด

ตามช่วงเวลา