ที่มาภาพ : shutterstock
สี จัดได้ว่าเป็นพลังงานอย่างหนึ่ง สามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตได้ โดยสีแต่ละสีนั้นสามารถส่งผลให้คนนั้นรับรู้และเกิดความรู้สึกที่แตกต่างกันได้ จึงส่งผลถึงอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดต่างๆ ขึ้นมา
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคนเราอยู่ห้องสีขาวหรือสีอ่อนจะไม่รู้สึกร้อน แต่หากอยู่ในห้องสีแดงก็จะรู้สึกร้อนขึ้นมาได้ ทั้งที่ห้องนั้นไม่ได้มีเครื่องทำความร้อนชนิดใดที่เปลี่ยนอุณหภูมิของห้องให้ร้อนขึ้นมาเลย แต่เนื่องจากความรู้สึกของคนหรือสิ่งมีชีวิตนั้นรับรู้ถึงพลังงานของสีได้
นอกจากนี้แล้ว พลังงานสียังส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนและเกิดปฏิกิริยาทางเคมีในร่างกายที่แตกต่างกันซึ่งส่งผลต่อชีวิตคน ดังนั้น พลังงานจากสีจึงเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญในศาสตร์ฮวงจุ้ย
สี เกิดจากธรรมชาติของแสง ซึ่งชั่วโมงเรียนวิชาวิทยาศาสตร์สมัยเด็กๆ จะมีการทดลองหนึ่งเกี่ยวกับการให้แสงผ่านแท่งแก้วปริซึม
โดยเมื่อแสงผ่านแก้วปริซึมก็จะเกิดการหักเหของแสง เนื่องจากว่าแก้วปริซึมมีความหนาแน่นมากกว่าอากาศ เมื่อแสงส่องผ่านปริซึมจึงเกิดการหักเหทำให้เห็นเป็นแถบสีสเปกตรัม คือ สีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง หรือที่เราเรียกกันว่าสีรุ้งนั่นเอง
โดยแสงสีที่ซ้อนทับกันจะกลายเป็นสีผสมต่างๆ เช่น เมื่อแสงสีแดงซ้อนทับแสงสีเขียวก็จะเกิดเป็นแสงสีเหลือง
หลักการดังกล่าวนี้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ประดิษฐ์เครื่องโทรทัศน์หรือจอคอมพิวเตอร์ต่างๆ โดยนักวิทยาศาสตร์อย่าง เซอร์ไอแซค นิวตัน นั่นเองครับ สรุปได้ว่า พลังงานแสงนั้นเป็นพลังงานชนิดเดียวที่ก่อให้เกิดสีได้
ภาพแสงส่องผ่านแท่งแก้วปริซึม ทำให้เกิดการหักเหของแสง เกิดเป็นสีต่างๆ
ที่มาภาพ : shutterstock
ส่วนสีของวัตถุแต่ละชิ้นเกิดจากที่แสงตกกระทบกับวัตถุ โดยวัตถุนั้นจะดูดกลืนแสงบางความถี่ และสะท้อนแสงบางความถี่ออกมา โดยแต่ละความถี่ของแสงจะแสดงสีสันออกมาต่างกัน เช่น
การที่เราเห็นสีเหลืองจากวัตถุ เป็นเพราะวัตถุนั้นดูดกลืนแสงสีความถี่อื่นๆ ไว้ และสะท้อนแสงความถี่ที่เป็นสีเหลืองออกมาให้เราเห็น ขณะที่วัตถุที่มีสีดำ คือวัตถุที่ดูดกลืนแสงหรือไม่สะท้อนแสงทุกความถี่ ตรงกันข้ามกับสีขาวที่ไม่ดูดกลืนหรือสะท้อนแสงทุกความถี่ออกมา
เมื่อแสงแต่ละความถี่กระทบกับดวงตาก็จะทำให้เห็นสีที่แตกต่างกัน และส่งผลต่อความรู้สึกที่แตกต่างกันนั่นเอง
แม้ว่าสีแต่ละสีจะแสดงผลของความยาวคลื่นและความถี่ของแสงแตกต่างกัน แต่สำหรับในวิชาภูมิปัญญาจีนแล้ว สีแต่ละสีจะถูกจัดเป็นกลุ่มของพลังงานที่แบ่งเป็น 5 ธาตุ เท่านั้น
เนื่องจากชาวจีนนั้นเชื่อว่าทุกสรรพสิ่งไม่ว่าจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรมสามารถแบ่งออกเป็นธาตุต่างๆ ทั้ง 5 ธาตุ (ดิน ทอง น้ำ ไม้ ไฟ) โดยแต่ละธาตุก็จะมีลักษณะของพลังงาน รูปทรง รูปร่าง วัตถุสสาร สีสัน ฯลฯ แตกต่างกัน (สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ “ตารางการแบ่งธาตุวัตถุต่างๆ ตามรูปแบบพลังงาน วัตถุธาตุ สี รูปทรงวัตถุ” ในบทความ 5 ธาตุ ตอนที่ 1)
โดยสีสันต่างๆ นั้นแจกแจงเป็น 5 ธาตุ ได้ดังนี้
หากอ้างอิงหลักการเกิดสีต่างๆ ที่มาจากแสงแล้ว แสดงว่าพลังงานสีของธาตุทั้ง 5 (ธาตุดิน ทอง น้ำ ไม้ ไฟ) จะแบ่งเป็นกลุ่มที่มีช่วงของพลังงานแสงในรูปคลื่นความยาวและความถี่ต่างกัน โดยวัตถุแต่ละชิ้นจะดูดกลืนแสงบางความถี่เข้าไปในตัววัตถุ แต่จะกระจายพลังงานแสงบางความถี่ซึ่งพลังที่กระจายออกมานี่แหละ คือพลังงานของธาตุต่างๆ
ยกตัวอย่างเช่น
รถยนต์สีแดงก็จะมีพลังงานของธาตุทองหรือธาตุโลหะ เนื่องจากส่วนประกอบวัตถุดิบหลักของรถยนต์ทำมาจากโลหะ ดังนั้นรถยนต์จะแสดงพลังงานธาตุทองส่งผลต่อสิ่งรอบข้างได้
แต่รถยนต์ก็ไม่ได้มีแต่พลังงานธาตุทองอย่างเดียวเท่านั้น เนื่องจากสีของวัตถุสีแดงเป็นสีของธาตุไฟ โดยรถยนต์นี้ได้ดูดกลืนพลังแสงบางความถี่ไว้ แต่กระจายแสงความถี่ที่เป็นพลังธาตุไฟออกนั้นเอง
ที่มาภาพ : Lance Asper on Unsplash
จากตัวอย่างนี้ก็แสดงให้เห็นว่า วัตถุแต่ละอย่างสามารถแบ่งพลังงานของธาตุต่างๆ ได้จากสสารวัตถุธาตหลักของสิ่งสิ่งนั้น และสีของวัตถุนั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว วัตถุต่างๆ ยังสามารถแบ่งเป็นธาตุต่างๆ โดยพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น
- สสารวัตถุธาตุ
- สีของวัตถุธาตุ
- รูปทรงของวัตถุธาตุ
- รูปแบบการเคลื่อนไหวของวัตถุธาตุ
และอาจมีปัจจัยอื่นๆ ในการแบ่งธาตุของวัตถุต่างๆ ได้อีก เพียงแต่สีนั้นเป็นสิ่งที่เลือกใช้ได้ง่ายต่อการแสดงพลังงานของธาตุต่างๆ มากกว่าสิ่งอื่นๆ นั่นเอง
ซึ่งในทางฮวงจุ้ยแล้ว ซินแสก็นิยมใช้สีแต่ละสีเป็นตัวแทนของพลังงานของธาตุต่างๆ (ธาตุดิน ทอง น้ำ ไม้ ไฟ) ในการปรับเปลี่ยนแก้ไขหรือออกแบบสร้างสิ่งปลูกสร้างในมุมหรือสัดส่วนของสถานที่ต่างๆ
เนื่องจากการปรับเปลี่ยนสีในแต่ละส่วนของสิ่งปลูกสร้างนั้นทำได้ง่ายกว่าการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ รูปทรงของสิ่งปลูกสร้างในแต่ละจุด รวมถึงง่ายกว่าการปรับเปลี่ยนวัสดุที่มีสสารเป็นวัตถุพลังธาตุต่างๆ ด้วยนั่นเอง เช่น
- ผนังอาคารที่เป็นคอนกรีต หากมองสสารของวัตถุแล้วคอนกรีตคือธาตุดิน แต่หากซินแสต้องการให้ผนังนี้มีพลังธาตุทองหรือธาตุโลหะแล้ว ซินแสจะนิยมแนะนำให้ทาสีผนังด้วยสีของธาตุทอง (สีเงิน สีทอง หรือสีขาว) แทนที่จะใช้โลหะจริงๆ ที่มีสสารเป็นธาตุทองมาตกแต่งผนังใหม่
ซึ่งหลักการที่ซินแสเลือกใช้สีในสถานที่ต่างๆ จะพิจารณาจากสีให้สอดคล้องกับพลังงานในแต่ละองศาทิศทางเพื่อไปกระตุ้นพลังงานที่ดีให้ดียิ่งขึ้น เช่น
หากคำนวนองศาทิศทางแล้วทิศใต้มีปราณพลังธาตุไฟที่ดีก็ควรที่ใช้สีของธาตุไฟ หรือสีของธาตุไม้บริเวณนั้น เนื่องจากสีธาตุไฟ (สีแดง ชมพู ม่วงแดง) เป็นสีพลังงานลักษณะเดียวกันกับปราณพลังงานธาตุไฟ จึงส่งเสริมปราณพลังงานธาตุไฟให้มีพลังมากขึ้น
ส่วนสีของธาตุไม้ซึ่งปกติแล้วธาตุไม้เป็นธาตุที่ก่อเกิดธาตุไฟให้มีกำลังมากขึ้น เหมือนไม้เป็นเชื้อเพลิง ดังนั้นหากใช้สีของธาตุไม้ (สีเขียว) ก็จะยิ่งกระตุ้นพลังงานธาตุไฟให้กำลังมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งการยกตัวอย่างนี้เป็นรายละเอียดคร่าวๆ และเรายังสามารถเลือกใช้สีเพื่อลดทอนพลังที่ร้ายให้ร้ายน้อยลงในแต่ละองศาทิศทางได้อีกด้วย
ส่วนวีธีการเลือกใช้สีให้ถูกต้องกับบุคคลนั้นก็จะพิจารณาจากวิชาดวงจีน โดย
- ดวงคนที่ชอบธาตุดิน ควรเลือกใช้สีเหลือง น้ำตาล ส้ม ครีม
- ดวงคนที่ชอบธาตุทอง ควรเลือกใช้สีขาว เงิน ทอง
- ดวงคนที่ต้องการธาตุน้ำ ควรเลือกใช้สีฟ้า น้ำเงิน ดำ
- ดวงคนที่ชอบธาตุไม้ ควรเลือกใช้สีเขียวอ่อนหรือเข้ม
- และ ดวงคนที่ชอบธาตุไฟ ควรใช้สีแดง ชมพู ม่วงแดง เป็นต้น
แต่เนื่องจากการใช้สีเสริมดวงคนนั้นเป็นการเสริมเจาะจงเฉพาะตัวบุคคล ดังนั้นจึงเหมาะกับสิ่งของส่วนบุคคล เช่น สีห้องนอนของแต่ละคน สีเครื่องประดับ สีรถยนต์ โดยเฉพาะสีของเครื่องแต่งกายซึ่งเป็นสิ่งที่ติดตัวบุคคลแต่ละคนมากที่สุด โดยพลังของธาตุจากสีต่างๆ จะสะท้อนออกจากเครื่องแต่งกายนั้นๆ เข้าหาผู้สวมใส่ได้อย่างชัดเจนนั้นเอง
อย่างไรก็ตามหากจะพิจารณาใช้สีต่างๆ ให้ถูกต้อง จำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจหลักการฮวงจุ้ยและดวงจีนทั้ง 2 ด้าน เพื่อให้เลือกใช้สีที่เหมาะสม ถูกต้องสอดคล้องของหลักการของ 2 วิชาร่วมกัน ก็จะทำให้การเลือกใช้สีนั้นให้คุณประโยชน์สูงสุด