ที่มาภาพ : shutterstock
ฮวงจุ้ย เป็นเรื่องการบริหารพลังธรรมชาติของลมและน้ำเป็นหลัก โดยเคล็ดวิชาได้กล่าวว่า ลม นำพาพลัง ส่วน น้ำ สะสมพลัง อย่างไรก็ตาม น้ำก็สามารถนำพาพลังได้เช่นกัน เนื่องจากคุณสมบัติที่ไหลได้ของมัน เพราะการไหลคือนำพาพลังงานจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง
หากอ้างถึงสิ่งของที่ไหลได้ในเชิงวิศวกรรมที่ธรรมชาติสร้างขึ้นจะมีแค่ ลม กับ น้ำ เมื่อลมนั้นนำพาพลังได้ น้ำก็นำพาพลังได้เช่นกัน ซึ่งเราสามารถใช้ทั้งน้ำและลมในการเหนี่ยวนำกระแสพลังที่ดีให้ไหลเข้าสู่บ้านหรืออาคารต่างๆ ขณะเดียวกันก็สามารถใช้ลมและน้ำช่วยนำพลังร้ายที่เสื่อมให้ไหลออกนอกบ้านหรืออาคารได้ ในบทความนี้เราจะพาคุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้น้ำในเชิงของฮวงจุ้ยกัน
อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่า น้ำ สามารถสะสมพลังได้ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้น เช่นเวลาที่เราไปเล่นน้ำทะเลในช่วงเช้าประมาณ 7-8 โมง ซึ่งเป็นเวลาที่มีแสงแดดตกกระทบน้ำทะเล แต่เรารู้สึกว่าน้ำยังเย็นอยู่ นั่นเป็นเพราะน้ำสะสมพลังความเย็นจากช่วงเวลากลางคืน ส่วนสาเหตุที่น้ำสะสมพลังความเย็นได้ เนื่องจากน้ำมีคุณสมบัติในการดูดซับและคลายความร้อนได้ช้ากว่าพื้นดิน
จากคุณสมบัติดังกล่าว เมื่อนำมาประยุกต์ใช้กับเรื่องใกล้ตัวอย่างเรื่องอาคาร หรือที่อยู่อาศัย การที่น้ำสะสมความเย็นได้จึงสามารถช่วยสร้างความเย็นให้บ้านและอาคารสถานที่ต่างๆ ได้เช่นกัน สำหรับบ้านหรืออาคารที่ต้องการสร้างที่เก็บกักน้ำเพื่อสะสมพลังให้เกิดความเย็น เช่น บ่อน้ำ บ่อน้ำนั้นจะต้องมีความลึกที่เพียงพอ อย่างน้อย 1.50 เมตร
ส่วนการนำพาพลังของน้ำเกิดขึ้นจากการไหล เช่น การไหลของแม่น้ำนำพาตะกอนมาสะสมตัวในโค้งน้ำ ทำให้พื้นดินบริเวณโค้งน้ำขยายตัว นั่นหมายความว่าการไหลของน้ำนั้นสามารถนำพาสิ่งต่างๆ หรือนำพาพลังงานไปได้
ด้วยคุณสมบัติการไหลของน้ำที่สามารถนำพาพลังได้ ทำให้ซินแสสมัยก่อนชอบแนะนำให้หน้าบ้านใกล้สายน้ำ เพราะกระแสน้ำจะนำพาพลังงานเข้ามาสู่บ้านจากทางหน้าบ้าน ซึ่งแนวกระแสพลังนี้ถูกเรียกว่า “มังกรน้ำ”
การเคลื่อนไหวของน้ำ ไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่ด้วยวิธีการตามธรรมชาติเท่านั้น อุปกรณ์ที่คนสร้างขึ้นเพื่อให้น้ำมีการเคลื่อนไหว ก็สามารถทำให้น้ำเป็นสื่อนำพาพลังได้เช่นกัน เช่น น้ำพุ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีการกระจายของพลังงานที่ชัดเจน ไม่ใช่แค่น้ำที่เคลื่อนไหว แต่ยังทำให้อากาศหรือลมในบริเวณนั้นเคลื่อนไหวด้วย เนื่องจากน้ำพุแหวกอากาศพุ่งขึ้นไป และแรงมีตกกระทบลงสู่พื้น ก่อให้เกิดการกระแทกของอากาศอยู่ตลอดเวลา นี่เป็นรูปแบบการกระจายพลังงานของน้ำและอากาศจากน้ำพุไปสู่พื้นที่โดยรอบ
ภาพน้ำพุที่มีการกระจายพลังอย่างมาก
ที่มาภาพ : shutterstock
ภาพน้ำพุ Suntec City ประเทศสิงค์โปร์ ออกแบบตามหลักฮวงจุ้ย เชื่อกันว่าเป็นน้ำพุแห่งความเจริญรุ่งเรือง
โดยน้ำจะไหลจากด้านบนลงกระทบพื้นชั้นล่าง ซึ่งดึงอากาศหรือลมมาด้วย และมีน้ำพุที่พื้นพุ่งขึ้นรอบๆจุดที่น้ำไหลลงอีกชั้น
น้ำที่ไหลลงมาและพุ่งขึ้นนั้นช่วยกระจายกระแสพลังลมไปทั่วชั้นล่างหรือชั้นใต้ดิน ไปยังร้านค้าต่างๆ ในบริเวณนั้น
ที่มาภาพ : shutterstock
หรือจะเป็น โอ่งน้ำล้น ก็มีหลักการเคลื่อนไหวของน้ำคล้ายกับน้ำพุ หรือน้ำพุเล็กๆ ในโอ่ง ส่วน น้ำตก ก็มีการเคลื่อนที่ของน้ำในลักษณะการไหลจากที่สูงลงต่ำ คือการพาพลังงานจากด้านบนสู่ด้านล่าง ซึ่งแตกต่างจากน้ำพุและโอ่งน้ำล้นที่มีการกระจายพลังรอบทิศทางอย่างเท่าๆ กัน โดยน้ำเคลื่อนไหวเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ซินแสนิยมใช้กระจายพลังงานที่ดี หรือพาพลังงานจากจุดที่ดีให้เข้าสู่ภายในของอาคารสถานที่ต่างๆ ได้
ภาพโอ่งน้ำล้นซึ่งเปรียบเสมือนน้ำพุเล็ก
ที่มาภาพ : shutterstock
สำหรับ ตู้ปลาและบ่อเลี้ยงปลา เป็นอีกสิ่งที่ซินแสในสมัยก่อนนิยมใช้จัดฮวงจุ้ยสำหรับบ้านหรืออาคาร เนื่องจากสมัยก่อนไม่มีไฟฟ้าเหมือนสมัยปัจจุบัน จึงใช้การเคลื่อนไหวของปลาที่ทำให้น้ำมีสภาพเคลื่อนไหว ซึ่งบางครั้งก็จะสามารถเห็นเป็นคลื่นน้ำพาพลังงานหรือช่วยกระจายพลังได้
ทั้งนี้ตู้ปลาดังกล่าวจะต้องไม่มีฝาครอบที่ปิดกั้นการกระจายพลังจากน้ำที่เคลื่อนไหวด้วย แต่หากเทียบกับสมัยปัจจุบันที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าแล้ว หากต้องการใช้น้ำกระจายพลัง ให้เลือกใช้ น้ำพุ น้ำตก โอ่งน้ำล้นขนาดเล็กๆ จะมีการกระจายพลังมากกว่าตู้ปลา ข้อควรระวังของการติดตั้งตู้ปลาอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตู้ปลามีขนาดใหญ่ ซึ่งบางครั้งอาจไปวางในตำแหน่งใกล้ประตูหรือหน้าต่างในทิศที่ดี ก็มีโอกาสสร้างความเกะกะขวางทางคนหรือขวางกระแสพลังงานดีๆ อย่างกระแสลมได้
ภาพตู้ปลาที่ใช้หลักการเคลื่อนไหวของปลาก่อเกิดกระแสพลัง
ที่มาภาพ : shutterstock
หลักการตั้งน้ำเคลื่อนไหวของซินแส คือการวางตำแหน่งน้ำเคลื่อนไหวในตำแหน่งที่เป็นทิศที่ดี เพื่อให้น้ำเคลื่อนไหวนั้นกระจายพลังงานที่ดีออกมา เพื่อให้คนที่อาศัยในบริเวณนั้นได้รับพลังงานที่ดีไปด้วย โดยซินแสแต่ละคนก็จะมีสูตรการคำนวณตำแหน่งของจุดที่มีพลังงานดีจากการวัดองศาทิศทางโดยเฉพาะเจาะจงของแต่ละบ้านหรืออาคาร ซึ่งตำแหน่งที่ดีนั้นก็จะส่งผลดีหรือร้ายสำหรับดวงบางคนได้อีกด้วย
ดังนั้น หากตั้งน้ำเคลื่อนไหวเองโดยไม่ได้ปรึกษาซินแสก็มีโอกาสตั้งผิด ไปโดนทิศที่มีพลังร้ายและทำให้กระจายพลังร้ายไปสู่คนในบริเวณนั้นได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้น ความเชื่อที่ว่าการตั้งน้ำพุ โอ่งน้ำล้น น้ำตก หน้าบ้านหรือหน้าร้านค้าจะนำโชคลาภมาให้ก็ไม่จริงเสมอไป เนื่องจากหากคำนวนองศาทิศทางของหน้าบ้านหรือร้านค้าแล้วเป็นทิศร้าย การตั้งน้ำเคลื่อนไหวในตำแหน่งนั้นก็จะกระจายพลังร้ายเข้าสู่บ้านและร้านค้าได้
ส่วนบางคนที่บอกว่าการมีบ่อปลาอยู่กลางบ้านนั้นไม่ดีก็ยังสรุปไม่ได้ว่าไม่ดีจริงหรือไม่ เพราะหากคำนวนองศาทิศทางของจุดกึ่งกลางบ้านแล้วมีพลังงานดีสถิตอยู่ การมีบ่อปลากลางบ้านจะช่วยกระจายพลังที่ดีออกมาได้
สรุปแล้วตำแหน่งที่ควรมีน้ำเคลื่อนไหวจึงขึ้นอยู่สูตรคำนวนขององศาทิศทางของพลังงานในแต่ละสถานที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น
ภาพบ่อปลาที่ใช้การเคลื่อนไหวของปลาทำให้น้ำเคลื่อนไหวเป็นจุดกระจายกระแสพลังงาน
ที่มาภาพ : shutterstock
ด้วยคุณสมบัติของน้ำที่ช่วยสะสมพลังงานและนำพาพลังที่ดีมาสู่บ้านหรืออาคารต่างๆ ได้ น้ำจึงสามารถนำพาพลังร้ายออกจากบ้านและอาคารต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน เช่น การระบายน้ำให้ไหลออกจากบ้านในตำแหน่งทิศที่ถูกคำนวณตามองศาทิศทางว่าเป็นทิศร้าย น้ำก็จะนำพาพลังร้ายนั้นออกไปด้วย นอกจากนี้ หากทำพื้นลาดเทออกจากบ้านให้น้ำไหลออกได้บริเวณที่เป็นทิศร้ายก็สามารถช่วยนำพาพลังร้ายออกไปได้ด้วยเช่นกัน
สรุปว่าน้ำนั้นมีคุณสมบัติสะสมพลังและนำพาพลัง หลักการจัดฮวงจุ้ยของสถานที่ต่างๆ โดยใช้น้ำเป็นองค์ประกอบจึงควรปรึกษาซินแสที่สามารถคำนวณพลังงานในแต่ละทิศทางของสถานที่นั้นๆ เพื่อออกแบบการจัดน้ำเป็นองค์ประกอบของแต่ละสถานที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด