หลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า บริเวณทางสามแพร่ง เป็นทำเลฮวงจุ้ยที่ไม่ดี ไม่ควรปลูกสิ่งปลูกสร้างบริเวณนี้ หรือไม่ควรเลือกทำเลทางสามแพร่ง เพราะถ้าปลูกบ้านทำเลนี้ ก็จะทำให้สมาชิกในครอบครัวเจอแต่เรื่องร้ายต่างๆ นานา ถ้าเป็นร้านค้าหรือสำนักงานก็จะทำให้กิจการไม่เจริญรุ่งเรือง ล้มละลาย ถึงขั้นปิดกิจการกันได้

ในความจริงแล้ว ทางสามแพร่งเป็นฮวงจุ้ยที่ไม่ดี จริงหรือไม่

การที่จะได้บทสรุปว่าฮวงจุ้ยทางสามแพร่งเป็นทำเลไม่ดี นั่นหมายความ บ้านทุกหลัง อาคาร ร้านค้า กิจการต่างๆ ที่ตั้งบริเวณทางสามแพร่งจะต้องมีปัญหาทุกที่ ไม่เจริญรุ่งเรืองกันหมดทุกที่ นั่นถึงจะบอกได้ว่าฮวงจุ้ยตรงทางสามแพร่งไม่ดีแน่นอน แต่หากสังเกตดีๆ พิจารณาทางสามแพร่งหลายๆ ทำเล ก็อาจจะพบว่า ยังมีบ้าน ร้านค้า หรืออาคาร บริเวณทางสามแพร่ง ที่เจริญรุ่งเรืองอยู่หลายแห่ง ไม่ได้อยู่แล้วไม่ดี ไม่เจริญรุ่งเรือง หรือมีปัญหาต่างๆ นานาเสมอไป

พักประเด็นเรื่องทางสามแพร่งเป็นฮวงจุ้ยที่ดี หรือไม่ดีกันไว้ก่อน แล้วมาพิจารณาลักษณะของทางสามแพร่งกัน เพื่อทำความเข้าใจหลักการทำงานของพื้นที่ลักษณะนี้



ทางสามแพร่ง เปรียบเสมือนช่องลมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นช่องบีบให้อากาศหรือลมเข้ามาสะสมได้มากเป็นพิเศษ ทำให้ถนนด้านที่มีรถยนต์วิ่งเข้าหาบ้านหรืออาคารตรงทางสามแพร่งได้รับพลังงานรุนแรงเป็นพิเศษอีกด้วย เนื่องจากเวลารถยนต์วิ่งเข้ามาก็จะลากกระแสพลังงานมาด้วย สังเกตได้เมื่อรถยนต์วิ่งผ่านเราใกล้ๆ เราจะรู้สึกถึงแรงลมที่รถวิ่งผ่านไป โดยลมเหล่านี้ถือเป็นพลังงาน ดังนั้นบริเวณทางสามแพร่งจึงได้รับกระแสพลังงานสะสมจากที่รถยนต์วิ่งแล้วลากเข้ามาหาตัวบ้านหรืออาคารบริเวณนั้นมากเป็นพิเศษ

จึงสรุปได้ว่า บ้านและอาคารที่อยู่ตรงทางสามแพร่ง มีโอกาสได้รับพลังงานมากและรุนแรงเป็นพิเศษ ซึ่งการรับพลังที่มากนั้น ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นพลังด้านร้ายเสมอไป

ภาพบ้านที่หันหน้าบ้านเจอทางสามแพร่งซึ่งเป็นเหมือนช่องลมขนาดใหญ่ ทำให้ลมพัดเอาพลังงานเข้าสู่บ้านได้มาก
หรือเป็นช่องที่รถวิ่งเข้ามาแล้วลากพลังงานเข้าสู่บ้านได้ตามลูกศรในภาพ

ที่มาภาพ : shutterstock

สำหรับทางสามแพร่งที่เป็นทำเลร้าย ไม่ได้เกิดจากการที่บ้านและอาคารเหล่านั้นรับกระแสพลังงานมากจนเกินไป แต่เป็นการที่ทำเลนั้นจะต้องบวกกับหันไปเจอองศาทิศทางของพลังร้ายอีกด้วย เพราะจริงๆ แล้ว ทางสามแพร่งเป็นแค่ตัวบอกว่าบริเวณนั้นมีพลังงานมากเป็นพิเศษ

ดังนั้น หากเจอทางสามแพร่งในองศาทิศทางที่ร้ายด้วย ก็จะแปลว่าพลังงานที่พุ่งเข้ามาจากทางสามแพร่งนั้นร้ายรุนแรงเป็นพิเศษ จึงทำให้ส่งผลร้ายต่อผู้อยู่อาศัยในบ้านและอาคารบริเวณนั้น

ในทางกลับกัน หากทางสามแพร่งนั้นมาจากทิศทางองศาที่มีพลังงานดี พลังที่รุนแรงของทางสามแพร่งนั้นจะช่วยกระตุ้นพลังของทิศทางที่ดี ส่งผลให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองมากเป็นพิเศษได้

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมบ้านหรืออาคารที่อยู่ตรงทางสามแพร่งบางที่มีปัญหาต่างๆ นานา แต่บางที่เจริญรุ่งเรือง

ที่มาภาพ : shutterstock


ทางสามแพร่ง เป็นช่องที่มีพลังงานผ่านเข้ามามาก แต่ผลที่ดีหรือร้าย ขึ้นอยู่กับองศาทิศทางของทางสามแพร่งนั้น โดยองศาที่ดีหรือร้ายก็ขึ้นอยู่กับหลักวิชาของฮวงจุ้ยในแต่ละสายสำนักว่าใช้หลักวิชาใด ซึ่งบางหลักวิชาก็จะกำหนดองศาทิศทางที่ดีและร้ายโดยอ้างอิงถึงการคำนวณที่มีอิทธิพลแรงดึงดูดจากดวงดาวที่มีวงโคจรที่แน่นอน ทำให้เกิดสูตรการคำนวณทิศทางของพลังทางฮวงจุ้ยที่แน่นอนขึ้นมาได้

แต่การที่ดวงดาวมีการโคจรอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ไม่มีทิศทางไหนเป็นทิศทางที่ดีอยู่ตลอดเวลา หรือเป็นทิศร้ายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งองศาทิศทางที่ดีหรือร้ายสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกประมาณ 20 ปี (หรืออาจจะน้อยกว่า หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับหลักของแต่ละวิชาฮวงจุ้ย) โดยทุกรอบการเปลี่ยนแปลงใหญ่นั้นจะเรียกเป็นยุคของฮวงจุ้ย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในฮวงจุ้ยยุคที่ 8 (เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2547 และจะหมดยุคในปี พ.ศ. 2567)

นั่นก็แปลว่า บ้านหรืออาคารใดๆ ที่อยู่ตรงทางสามแพร่งก็จะมีช่วงจังหวะเวลาราวๆ 20 ปี ที่ทางสามแพร่งนั้นเป็นพลังงานในองศาทิศทางที่ดีหรือร้ายสลับกันไป ส่วนสาเหตุที่ซินแสบางคนบอกว่าทางสามแพร่งนั้นไม่ดี ก็อาจเป็นเพราะต้องการหลีกเลี่ยงการคำนวณทิศทางว่าเป็นพลังงานจากทิศดีหรือทิศร้ายในแต่ละช่วงยุคสมัย

หรือแม้ว่าคำนวณว่าทิศทางสามแพร่งนั้นเป็นองศาทิศทางที่ดี แต่พอช่วงยุคสมัยหรือราวๆ ทุกรอบ 20 ปี เปลี่ยนไป ทิศทางนั้นอาจเป็นทิศร้าย จึงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ซินแสบางคนไม่ชอบทางสามแพร่งเป็นพิเศษ

แต่ก็ยังมีซินแสบางคนที่มีมุมมองต่างกัน เนื่องจากทางสามแพร่งนั้น หากอยู่ในทิศทางที่ดีแล้วก็ส่งผลให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นช่องที่พลังผ่านมาอย่างรุนแรงเป็นพิเศษ ก็จะยิ่งกระตุ้นพลังที่ดีมากขึ้น ดังนั้นสำหรับมุมมองของซินแสบางคนอาจเลือกทำเลบ้าน ร้านค้า หรืออาคารต่างๆ ตรงกับทางสามแพร่งในทิศทางองศาที่ดีเพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองถึงที่สุด

ทั้งนี้ ซินแสควรจะต้องบอกช่วงระยะเวลาที่ดีของฮวงจุ้ยที่ตรงทางสามแพร่งนี้ว่ามีระยะเวลาที่ดีนานแค่ไหน เพื่อให้ผู้ที่ต้องการใช้สถานที่นั้นรู้ เช่น ทางสามแพร่งในองศาทิศทางที่ดีนั้นเปลี่ยนเป็นทิศทางที่ร้ายได้เมื่อหมดฮวงจุ้ยยุคปัจจุบันที่เป็นยุคที่ 8 หรือในปี พ.ศ. 2567 เป็นต้น

ซึ่งหากพิจารณาแล้ว ช่วงระยะเวลาที่ดีของฮวงจุ้ยตรงทางสามแพร่งในองศาทิศทางที่ดีในปัจจุบันนี้ก็จะมีระยะเวลาที่ดีไปถึงปี พ.ศ. 2567 ดังนั้นในมุมมองซินแสบางคนจึงเลือกฮวงจุ้ยบริเวณทางสามแพร่งเพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองอย่างสูงที่สุดก่อน และเมื่อถึงเวลาหมดยุคที่ฮวงจุ้ยบริเวณนั้นจะเจริญรุ่งเรืองแล้วก็ค่อยย้ายที่หาทำเลใหม่ที่ดีกว่า หรือหาทางปรับองศาทิศทางอาคารใหม่เพื่อให้รับพลังงานที่ดีโดยไม่ต้องย้ายทำเลที่ตั้งใหม่ก็ยังได้เหมือนกัน

ความจริงแล้ว ทำเลทางสามแพร่งอาจเป็นทำเลสุดยอดที่คนทั่วไปเข้าใจว่าไม่ดี ทำให้เจรจาต่อรองซื้อที่ดินหรือทำเลบริเวณนั้นได้ในราคาที่ถูกลงอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นโบนัสเพิ่มเติมอีกสำหรับคนที่เลือกทำเลทางสามแพร่ง นอกเหนือจากทางสามแพร่งแล้ว ยังมีชัยภูมิที่สามารถพิจารณาเชิงเดียวกับทางสามแพร่งได้อีก คือ

บริเวณช่องลมระหว่างอาคารต่างๆ หรือช่องลมระหว่างตึกขนาดใหญ่ที่ทางฮวงจุ้ยเรียกว่า ทัณฑ์ฟ้าผ่า เช่น ตึกแฝด ซึ่งชัยภูมิลักษณะนี้ก็ก่อให้เกิดช่องลมเป็นพลังงานที่แรงเป็นพิเศษได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หากคิดจะเลือกที่ดินตรงทางสามแพร่งหรือชัยภูมิอื่นที่มีลักษณะคล้ายทางสามแพร่งแล้ว ควรปรึกษาซินแสที่เข้าใจหลักการที่ถูกต้องเกี่ยวกับชัยภูมิแบบนี้จึงจะให้ความแน่นอนและชัดเจนว่าทำเลนั้นดีจริงหรือไม่

ภาพตึกแฝดที่มีช่องลมระหว่างตึกขนาดใหญ่ โดยช่องลมตรงกลางนี้ ทางฮวงจุ้ยเรียกว่า ทัณฑ์ฟ้าผ่า
ซึ่งหากอาคารหันหน้าหรือมีช่องประตูทางเข้าหลักตรงกับบริเวณช่องลมของตึกนั้น ก็แสดงว่าอาคารนั้นๆ
มีโอกาสได้รับกระแสพลังงานรุนแรงเป็นพิเศษเช่นเดียวกับลักษณะของทางสามแพร่ง
ที่มาภาพ : shutterstock

Related Posts

ตามช่วงเวลา